“น้องต้นกล้า” ฝันเป็นจริงเดินทางพบ “เฉลิมชัย”
“น้องต้นกล้า” เด็กวัย 11 ปี ชาวโคราช ซี่งมีฝีมือในการวาดรูป ฝันเป็นจริงเดินทางพบ “เฉลิมชัย” ผู้เป็นแรงบันดาลใจในการวาดภาพ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ม.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงราย ที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ด.ช.เสฎฐพงศ์ แช่มชื่น อายุ 11 ขวบ หรือน้องต้นกล้า นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดสระแก้ว อ.เมือง จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยครอบครัวคือนางปิยนันท์ แช่มชื่น อายุ 71 ปี นายวรชิต แช่มชื่น อายุ 49 ปี และนางอาฒยา แช่มชื่น อายุ 38 ปี บิดาและมารดาของน้องต้นกล้า ได้เดินทางไปพบกับอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงรายผู้สร้างศิลปินวัดร่องขุ่น ภายหลังจากได้แสดงฝีมือด้วยการวาดภาพเหมือนภาพของอาจารย์เฉลิมชัยได้อย่างงดงาม จนสามารถจำหน่ายได้และสร้างความฮือฮาที่ จ.นครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อาจารย์เฉลิมชัย ได้ออกมาพบกับน้องต้นกล้าและครอบครัว และได้ชื่นชมผลงานของน้องต้นกล้า โดยชื่นชมว่าฝีมือดีมากซึ่งผลงานที่น้องต้นกล้านำมาเป็นภาพวาดด้วยสีอะคริลิคบนผืนผ้าใบขนาดประมาณ 50 ซ.ม.คูณ 70 ซ.ม.เป็นภาพพญาครุฑที่งดงามและภาพร่างลายเส้นอีกหลายใบมาให้อาจารย์ช่วยสอนเพิ่มเติมด้วย ซึ่งอาจารย์เฉลิมชัยชมว่าฝีมือของน้องต้นกล้าว่าแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ที่เคยไปพบก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นน้องภูผา น้องอามานี่ น้องซานโตส ฯลฯ ที่ล้วนเป็นคนที่เคยเรียนด้านศิลปะกันมาทั้งนั้นแต่น้องต้นกล้าไม่เคยเรียนมาก่อนทั้งมาอายุแค่ 11 ขวบ แต่ใช้วิธีการลอกเลียนแบบรูปภาพของตนออกมาได้อย่างสวยงาม โดยมีการใช้ต้นแบบจากภาพจริงแล้วมีการตกแต่งตามที่เขาต้องการ
สำหรับรูปภาพที่น้องต้นกล้านำมาให้ดูนั้นทางอาจารย์เฉลิมชัยสอนว่า ให้ดูเรื่องความมิติของความใกล้ไกลและการลงเส้นให้เหมาะสม เช่น ภาพพญาครุฑให้ดูความเข้มอ่อนของเส้นเพื่อไม่ให้บางจุดมีความใหญ่หรือเล็กเกินไปโดยเฉพาะช่วงแขน ส่วนภาพลายเส้นที่ร่างเป็นพญานาคให้ดูความใกล้ไกลโดยพื้นน้ำให้ทำให้เล็กลงและพระอาทิตย์ด้านหลังก็ให้เล็กลงไม่เช่นนั้นจะทำให้มองไม่เห็นความใกล้ไกลของรายละเอียดในภาพ เป็นต้น จากนั้นอาจารย์เฉลิมชัยพาน้องต้นกล้าชมภายในบริเวณวัดตั้งแต่อุโบสถขาว ศาลาธรรม หอศิลป์ฯ ฯลฯ รวมทั้งภาพวาด ปฏิมากรรมและสถาปัตยกรรมต่างๆ โดยเฉพาะพาชมภาพต้นแบบที่น้องต้นกล้า เคยใช้วาด เช่น ภาพพระพิฆเนศ พญาครุฑ ฯลฯ ด้วยสร้างความดีใจให้กับน้องต้นกล้าและครอบครัวเป็นอันมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า อาจารย์เฉลิมชัย ยังได้มอบเหรียญพระพิฆเนศดำทองให้จำนวน 1 องค์ที่ล้ำค่าให้เป็นที่ระลึกอีก 1 องค์ด้วยขณะที่น้องต้นกล้าได้ซักถามอาจารย์เฉลิมชัยทั้งเรื่องงานศิลปะ ประวัติส่วนตัวของอาจารย์อย่างต่อเนื่องสร้างความขบขันและเอ็นดูให้เป็นอย่างมาก
โดยอาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่า เขาไม่เหมือนคนอื่นตรงที่ไม่ได้เรียนมาและเรียนแบบภาพวาดของตน สิ่งที่ตนอยากสอนคือเมื่อทำได้แล้วให้ลืมตนไปเสียแล้วพัฒนางานศิลปะนั้นให้เป็นผลงานของตน โดยต่อไปก็ให้เรียนรู้ให้มากยิ่งๆ ขึ้นไปมากกว่านี้ต่อไป แต่อย่าลืมว่าเขาก็ยังอายุแค่ 11 ขวบทำได้แค่นี้ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว ขณะเดียวกันได้ทราบว่าเขาเป็นคนที่ขยัน มีความอดทน ใฝ่เรียนรู้โดยสอบถามตนไม่หยุดและเขารู้ว่าสิ่งที่ตนถามยังมีเรื่องราวอีกมากมายซึ่งตนก็พยายามบอกว่าเรื่องศิลปะนั้นไม่ต้องรีบร้อนให้ค่อยเป็นค่อยไป
“รู้สึกประทับใจมากที่น้องต้นกล้าที่ยังอายุน้อยเช่นนี้กลับประกาศก้องว่าโตขึ้นเขาไม่อยากเป็นศิลปินแห่งชาติ แต่อยากเป็นคนที่สร้างวัดให้มีความยิ่งใหญ่ ซึ่งเขาดูเหมือนตนช่วงที่เป็นเด็กอย่างมากที่มีอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี เป็นต้นแบบและใฝ่ฝันจะสร้างศิลปะที่วัดร่องขุ่นให้มีความยิ่งใหญ่งดงาม กระทั่งปัจจุบันตนสามารถทำได้และไม่จำเป็นต้องขายภาพต้นฉบับอีกแต่ใช้ภาพพิมพ์สามารถหารายได้มาทำตามที่ฝันได้” อาจารย์เฉลิมชัย กล่าว
ทางด้าน น้องต้นกล้า กล่าวว่า ตนดีที่มากที่สุดในชีวิตและในโลกที่ได้มาพบกับอาจารย์เฉลิมชัย เพราะถือเป็นต้นแบบหรือไอดอล ซึ่งความรู้ที่ได้รับจากการสอนของอาจารย์ก็จะนำไปพัฒนาการวาดภาพของตนอย่างเต็มที่โดยตั้งใจจะวาดภาพให้ดีต่อไป เพราะตนชอบการวาดภาพมากและอยากสร้างวัดให้มีความยิ่งใหญ่ที่บ้านเกิดอีกด้วย
ทางด้านนายวรชิต กล่าวว่า บุตรชายของตนมีอยู่ 2 คนคนโตคือน้องต้นกล้าและมีน้องอายุ 7 ขวบอีก 1 คน ที่ผ่านมาคนโตชอบวาดภาพมาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ต่อมาเมื่อโตขึ้นก็ชอบวาดภาพของอาจารย์เฉลิมชัยโดยดูจากยูทูปหรือทางอินเตอร์เน็ต พอวาดมากขึ้นก็ตนเลยพิมพ์ภาพหรือปริ้นเป็นใบใหญ่ให้เขาดูเสียเลย ซึ่งเขาก็วาดได้ดีมากโดยมีหลายใบโดยเริ่มต้นจากวาดบนกระดาษใบใหญ่และต่อมาใช้สีอะคลิลิคบนผืนผ้าใบได้หลาย 10 ใบแล้ว ใบแรกที่วาดเสร็จเป็นภาพพระพิฆเนศแล้วมีคนไปดูและถามซื้อตนก็พูดไปโดยไม่ได้ตั้งใจว่าขายราคาใบละ 7,000 บาท ปรากฎว่าคนๆ นั้นตัดสินใจซื้อโดยทันทีทำให้ตนตกใจเล็กน้อยแต่เมื่อตกลงไปแล้วก็มอบให้เขาไป กระทั่งช่วงหนึ่งจำเป็นต้องนำภาพนั้นมาจัดแสดงก็ไปขอยืมเขากลับมาจนถึงปัจจุบันภาพใบนั้นยังอยู่ที่บ้านโดยรอให้เจ้าของเขามารับไปอยู่ สำหรับอนาคตของลูกชายนั้นก็จะส่งเสริมให้เป็นไปตามความพยายามและใฝ่ฝันของเขาต่อไป.