“อ.เฉลิมชัย” สุดดีใจ สายไฟลงดินหน้าวัดร่องขุ่น
“อ.เฉลิมชัย” สุดดีใจ สายไฟลงดินหน้าวัดร่องขุ่น เล็งที่ต่อไป หอนาฬิกา
เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายเอกชัย ศักดิ์ทัศนา รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นประธานในพิธีเปิดการจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านระบบเคเบิ้ลใต้ดิน ที่บริเวณหน้าวัดร่องขุ่น มีนายสัมฤทธิ์ สวามิภักดิ์ ปลัด จ.เชียงราย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมครบครัน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระบบเคเบิ้ลใต้ดินดังกล่าว ดำเนินการโดย กฟภ.ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.เชียงราย จำนวน 31,445,000 บาท เมื่อสร้างแล้วเสร็จพบว่าทำให้บริเวณหน้าวัดไม่มีสิ่งบดบังทัศนียภาพที่งดงามของวัดโดยเฉพาะอุโบสถสีขาวที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าวัดสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่ ที่เดินทางมาเที่ยวชมความงดงามของวัดร่องขุ่นที่มีอันดับ วัดที่มีความสวยงามเป็นอันดับ 3 ของโลก
โดย นายเอกชัย กล่าวว่า นโยบายการบริหารของ กฟภ.ภายใต้ นายเสริมสกุล คล้ายแก้ว ผู้ว่าการ กฟภ.ให้ความสำคัญกับชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนจะนำระบบไฟฟ้าใต้ดินไปใช้ในเมืองหลักของประเทศ คือ จ.เชียงใหม่ จ.นครราชสีมา เมืองพัทยา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามและส่งเสริมการท่องเที่ยว
สำหรับ จ.เชียงราย ถือเป็นแห่งแรกโดยมีการรื้อถอนเสาไฟฟ้าคอนกรีตจำนวน 29 ต้น รื้อถอนสายไฟฟ้าแรงสูงเหนือดินระยะทาง 1,150 วงจรเมตร รื้อถอนสายไฟ้าแรงต่ำเหนือดิน ระยะทาง 400 วงจรเมตร จากนั้นติดตั้งสายไฟฟ้าเคเบิ้ลใต้ดินแรงสูงระยะทาง 1,785 วงจรเมตร ติดตั้งสายไฟฟ้าเคเบิ้ลใต้ดินแรงต่ำ ระยะทาง 555 วงจรเมตร ก่อนจะก่อสร้างบ่อพักสายไฟฟ้าแรงสูงจำนวน 6 บ่อและแรงต่ำจำนวน 23 บ่อ
นายเอกชัย กล่าวด้วยว่า การดำเนินการดังกล่าวใช้ระยะเวลา 365 วัน จนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา และได้มีการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในวันนี้ ซึ่งก็พบว่าบริเวณด้านหน้าวัดมีความงดงามและนักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพวัดร่องขุ่น ได้โดยไม่มีสิ่งบดบังได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้แผนงานต่อไปคือการดำเนินการในอีก 4 เมืองหลักดังกล่าว ซึ่งแม้จะไม่ครบทุกจังหวัดแต่ก็จะพยายามขยายต่อไปให้มากที่สุดโดยเฉพาะขั้นตอนต่อไปคือ ที่บริเวณหอนาฬิกาฯ อ.เมืองเชียงราย ซึ่งก็อยู่ในระหว่างการปรับงบประมาณ ซึ่งหากได้โอกาสก็จะดำเนินการอย่างรวดเร็วต่อไป
ทางด้านอาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่า ตนรอคอยเวลานี้มานานกว่า 15-20 ปี ผ่านพ้นมาหลายรัฐบาลแล้ว เพราะที่ผ่านมาวัดร่องขุ่นมีการสร้างอย่างสวยงามทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกไปเยือนเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะช่วง 5 ปีหลังสุดพบว่ามีอย่างล้นหลาม แต่ปรากฎว่าบริเวณหน้าวัดกลับมีสายไฟที่สร้างความอุจาดตา รกรุงรังและไม่งดงาม เมื่อชาวต่างชาติถ่ายภาพออกไปเผยแพร่ทั่วโลกก็ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้ตนเรียกร้องเรื่องนี้มาโดยตลอดและภายในบริเวณวัดก็ใช้งบประมาณส่วนตัวนำสายไฟฟ้าลงดินแล้วทั้งหมด แต่หากเป็นถนนหน้าวัดแล้วตนทำไม่ได้เพราะเป็นสถานที่ของทางราชการจึงต้องอาศัยหน่วยงานต่างๆ ดังกล่าว กระทั่งเมื่อมีการทำจนสำเร็จแล้วตนก็ขอขอบคุณทุกฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งประโยชน์ที่ได้ก็ไม่ได้อยู่ที่ผู้ใดแต่อยู่กับประเทศชาติและแผ่นดินไทย
“ก่อนหน้านี้วัดร่องขุ่น เคยถูกจัดอันดับให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเป็นอันดับ 5 ของโลก แต่เมื่อมีการนำสายไฟฟ้าลงดินไปแล้วปรากฎว่ามีการจัดอันดับจนปัจจุบันเราขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 3 แล้ว จึงถือว่าทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันทำจนสำเร็จซึ่งทำให้ตนดีใจอย่างมาก ทั้งนี้ในปัจจุบันวัดร่องขุ่นมีนักท่องเที่ยวไปเยือนในช่วงฤดูฝนหรือโลว์ซีซั่นวันละประมาณ 2,200-2,600 คน แต่หากเป็นฤดูท่องเที่ยวหรือไฮด์ซีซั่นจะมากขึ้นถึงกว่า 3,000-4,000 คน และแต่ละปีก็จึงมีจำนวนมหาศาล ซึ่งก็พบว่านักท่องเที่ยวต่างดีใจที่ไม่มีสายไฟสิ่งบดบังหน้าวัดร่องขุ่นอีกต่อไป ตนจึงคาดหวังว่าต่อไปจะมีการดำเนินการต่อที่บริเวณหอนาฬิกากลางเมืองเชียงราย ซึ่งก็มีความงดงามและมีนักท่องเที่ยวไปชมจำนวนมากแต่ปัจจุบันก็มีสายไฟฟ้ารกรุงรังเป็นอย่างมาก.”อาจารย์เฉลิมชัย กล่าว.