ข่าวเด่น

ททท.ระดม5เขตในจีนแนะรุกตลาดจีน 140 ล้าน เป้าเชียงราย 1.3 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมโรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดให้มีกิจกรรม “Chinese Market Insight” สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มชาวจีน โดยมี น.ส.รัญจวน ทองรุต ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก ททท.เป็นประธานในพิธีเปิดและมีการจัดให้ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ที่ประจำอยู่ทั้ง 5 สำนักงานทั่วประเทศจีน ได้แก่ นางอินทิรา วุฒิสมบูรณ์ ผอ.ททท.สำนักงานกว่างโจว นางอัญชลี คุ้มวงษ์ ผอ.ททท.สำนักงานปักกิ่ง นายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผอ.ททท.สำนักงานเซี่ยงไฮ้ น.ส.พรนันท์ สัณหจันทร์ ผอ.ททท.คุนหมิง และนายจรัญ ชื่นในธรรม ผอ.ททท.สำนักงานเฉิงตู พบปะผู้ประกอบการจากจังหวัดเชียงราย พะเยา และจังหวัดใกล้เคียง เข้าร่วมครบครัน

โดย น.ส.รัญจวน กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวใน จ.เชียงราย พะเยา และใกล้เคียง ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่มีแนวโน้มเดินทางมาในพื้นที่มากขึ้น และทำให้ทั้งฝ่ายเจ้าบ้านและผู้มาเยือนได้เกิดความพึงพอใจ ลดการเกิดผลกระทบในการลบ รวมทั้ง ททท.มุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบเฉพาะตัวหรือกลุ่มเล็กไม่เกิน 8 คน มีโปรแกรมเดินทางแบบพิเศษที่แสวงหาความแปลกใหม่ ซึ่งจะทำให้เราได้นักท่องเที่ยวคุณภาพมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ปี 2561 ตั้งเป้าได้มีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนไม่ต่ำกว่า 561,110 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 10%

ทางด้านนายจรัญ ชื่นในธรรม ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานเฉิงตู กล่าวว่า จีนมีประชากรกว่า 1,400 ล้านคน แต่มีประชากรที่มีหนังสือเดินทางระหว่างประเทศหรือพาสปอร์ทเพียงแค่ประมาณ 140 ล้านคนหรือ 10% ของประชากรทั้งหมด แต่เพียงแค่นี้ก็ถือว่ามากและน่าโชคดีที่ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายของนักท่องเที่ยวจีน รองจากประเทศญี่ปุ่นและเมืองที่ชาวจีนอยากมาเที่ยวมากคือโตเกียวและโอซาก้าของประเทศญี่ปุ่นแต่อันดับ 3 คือเมืองพัทยาของประเทศไทย อัตราเฉลี่ยของคนจีนที่ออกมาเที่ยวคือ 6 วัน กระนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการไทยต้องพัฒนาคือการอำนวยความสะดวกด้านระบบออนไลน์ซึ่งชาวจีนจะไม่มีการใช้ไลน์ เฟสบุ๊ค กูเกิ้ล ฯลฯ แต่จะใช้ในรูปแบบเฉพาะซึ่งใช้เพื่อการจับจ่ายใช้สอยด้วย รวมทั้งการเจาะตลาดคนจีนให้มาเยือนต้องหาพันธมิตรในช่วงแรกและเข้าถึงเรื่องสายการบินด้วย

ทั้งนี้ นางอัญชลี คุ้มวงษ์ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานปักกิ่ง กล่าวว่า มณฑลทางตอนเหนือมีประชากรประมาณ 400 ล้านคน และนิยมออกมาท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 20 ล้านคน แบ่งมาเยือนประเทศไทยกว่า 3 ล้านคนหรือประมาณ 15% สถานที่ที่นิยมคือทะเล วัฒนธรรมแปลกใหม่สำหรับพวกเขา สำหรับประเทศไทยที่นิยมคือเมืองพัทยา กรุงเทพฯ กระบี่ เกาะสมุย เชียงใหม่ ฯลฯ สำหรับ จ.เชียงราย ถือว่ามีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์จึงสามารถขยายไปสู่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวโซนนี้มักเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง

ด้านนายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผอ.ททท. สำนักงานเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ในอนาคต จีนเตรียมแผนเปิดสำนักงานท่องเที่ยวที่จังหวัดเชียงราย เพื่อทำการท่องเที่ยวเชียงราย-พะเยา และกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสาธารณประโยชน์ ซึ่งจะมีการวางแผนระยะยาวกับ ททท.สำนักงานเชียงราย

น.ส.พรนันท์ สัณหจันทร์ ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานคุนหมิง กล่าวว่า สำนักงานดูแลพื้นที่ 3 มณฑล คือ มณฑลยูนนาน ซึ่งพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากมณฑลนี้เดินทางมาประเทศไทยมากที่สุดปีละกว่า 600,000 คน มณฑลกวางสี จำนวน 300,000 คน และมณฑลกุ้ยโจว จำนวน 200,000 คน รวมทั้งสิ้นประมาณ 1.1 ล้านคน ทั้งนี้คาดการณ์ว่าในปี 2561-2562 จะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมามากขึ้นถึง 1.3 ล้านหรือมากกว่านั้น เพราะทางการจีนและเอกชนนำเที่ยวในจีนจัดโปรโมชั่นต่างๆ มากมายและคนจีนก็เข้าใจระเบียบ วัฒนธรรมและอื่นๆ ของประเทศไทยมากขึ้นด้วย

น.ส.พรนันท์ กล่าวอีกว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวโซนนี้นิยมเที่ยวแบบครอบครัวและเป็นคาราวานรถยนต์ และปัจจุบันภายหลังมีจำนวนลดน้อยลงในปี 2560 เพราะมีการปรับมาตรฐานในประเทศไทยแต่ปรากฎว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนศึกษาและเข้าใจเรื่องระเบียบ การผ่านแดนและสภาพของประเทศไทย รวมถึงเข้าใจว่ามาตรการต่างๆ ที่ประเทศไทยใช้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกและให้ความปลอดภัยด้วย จึงคาดว่าจะมีคาราวานนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาทางถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-มณฑลยูนนาน มากขึ้นและถนนอาร์สามเอก็จะเป็นสายหลักของคาราวานชาวจีนเหมือนเดิมต่อไป

“นักท่องเที่ยวใน 3 มณฑลนี้ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มและวัยทำงานรวมทั้งมีกำลังซื้อสูง จากการสำรวจพบว่าพวกเขานิยมท่องเที่ยวที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมืองเชียงราย มากเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือวัดร่องเสือเต้น ไร่สิงห์ปาร์ค บ้านดำ ในเขต อ.เมืองเชียงราย เช่นกัน ปัจจุบันยังเรียกร้องให้มีการจัดทัวร์ไปยังกว๊านพะเยา จ.พะเยา อีกด้วย ดังนั้นในโอกาสที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้กำลังเติบโตเป็นอนาคตจึงขอให้ผู้ประกอบการไทยได้รองรับทั้งมัคคุเทศน์และอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนจีนรุ่นใหม่ที่เข้าใจที่จะปรับตัวในประเทศไทยได้ดีนี้ด้วยต่อไป” น.ส.พรนันท์ กล่าว.