มหกรรมศิลปะ “พุทธพลังแผ่นดิน อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินล้านนา เชิญตะวัน Art Festival”
เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า ที่อาคารสุญญตาคาร ไร่เชิญตะวัน ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายอมร กิตติกวางทอง วัฒนธรรม จ.เชียงราย นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงราย อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “พุทธพลังแผ่นดิน อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินล้านนา เชิญตะวัน Art Festival” โดยกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-31 พ.ค.2561 ภายในไร่เชิญตะวันดังกล่าว โดยการแถลงพระมหาวุฒิชัย วัชรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้ก่อตั้งและอธิการบดีมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน ได้ส่งภาพวีดีโอ ร่วมการแถลงมาจากประเทศฝรั่งเศส
พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี กล่าวว่า เชียงรายเป็นเมืองแห่งพระพุทธศาสนาและศิลปะดังนั้นจึงนำศิลปะมาใช้เป็นกุสโลบายให้ผู้คนเข้าถึงพุทธธรรม แม้แต่ภายในไร่เชิญตะวันปัจจุบันก็ใช้ศิลปะล้านผสมผสานกับพุทธศาสนานิกายเชนจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งให้ความเรียบง่าย สงบและงดงามควบคู่กับการอนุรักษ์ธรรมชาติ ส่วนอาคารต่างๆ ภายในก็ล้วนมีความพิเศษ ดังนั้นภายในงานจึงจะมีการนำศิลปะแขนงต่างๆ จากศิลปินชาวเชียงรายไปจัดแสดงให้ลงตัว เช่น ภูริดล พิมสาร ศิลปินที่ต่อยอดศิลปะพระโพธิสัตว์เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการวิ่งก้าวคนละก้าวของตูน บอดี้แสลม จนได้เงินทุนสนับสนุนกว่า 25 ล้านบาท พุทธรักษ์ ดาษดา โต สวรรค์บนดินที่เป็นศิลปินจิบชา ฯลฯ นอกจากนี้มีการจัดแสดงกวีนิพนธ์ของตนที่มีศิลปินนำไปต่อยอดเป็นบทเพลงดังมาแล้วมากมาย เช่น วิ่งบนถนนสะเทือนถึงหัวใจ วันสุดท้ายของพ่อ หรือบทเพลงในละครพระพุทธเจ้าที่มีการนำไปต่อยอดอย่างน้อย 3 บทเพลง ฯลฯ ไปจัดแสดงด้วย
ทางด้านนายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า เชียงรายมีศิลปินกว่า 400 คนและมีศิลปินรุ่นใหม่ที่กำลังต่อยอดนับ 1,000 คน ซึ่งสามารถตอบโจทย์การท่องเที่ยวของประเทศไทยและ จ.เชียงราย ได้เพราะในช่วงฤดูหนาวหรือไฮด์ซีซั่นจะมีนักท่องเที่ยวไปเยือนจำนวนมากแต่เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนหรือหลังเทศกาลสงกรานต์แล้วมักจะประสบปัญหาเงียบเหงา ดังนั้น จ.เชียงราย จึงพยายามจัดกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาและเมื่อศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวพบว่านอกจากอยากไปเที่ยวชมธรรมชาติแล้ว ยังอยากชื่นชมด้านศิลปะ ต้องการกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระเกจิชื่อดัง ฯลฯ ซึ่งสิ่งนี้สังเกตุได้จากการท่องเที่ยวที่ประเทศสิงคโปร์ซึ่งมีเพียงพื้นที่เล็กๆ แต่สามารถทำได้
นายณรง์ศักดิ์ กล่าวอีกว่า จ.เชียงราย ในฐานะเป็น 1 ใน 3 จังหวัดที่เป็นเมืองศิลปะโดยที่เหลือคือ จ.กระบี่ ที่มีการจัดแสดงศิลปะแต่ก็นำผลงานจากแหล่งอื่นๆ ไปจัดแสดง และ จ.นครราชสีมา แต่ก็เป็นศิลปะท้องถิ่นหรือ Folk Art เป็นหลัก ขณะที่ จ.เชียงราย มีทุกแขนงทั้งจิตรกรรม ปฏิมากรรม สถาปัตยกรรมและดนตรี เมือไปสอบถามนักท่องเที่ยวก็มักตอบว่าชอบไปเที่ยววัดร่องขุ่นที่สร้างศิลปะโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติระดับโลก ไร่สิงห์ปาร์ค ไร่ชาฉุยฟง เป็นต้น จึงเรียกได้ว่ามีครบทุกรูปแบบ ดังนั้นปี 2560 จึงเริ่มนำสิ่งเหล่านี้มาจัดกิจกรรมช่วงโลว์ซีซั่น โดยเปลี่ยนเป็น
กรีนซีซั่น เช่น กิจกรรมอันซีน ท้องเที่ยวชุมชน งานชิมชา การจัดสรงน้ำที่พุทธมณฑลขึ้นเป็นครั้งแรก จัดรดน้ำดำหัวตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิจากทุกอำเภอที่ไร่แม่ฟ้าหลวง ฯลฯ จนทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น 10% จากรายได้จากการท่องเที่ยวของจังหวัดตลอดปีประมาณ 25,000 ล้านบาท
“โดยมีกิจกรรมต่างๆ เช่น พุทธพลังแผ่นดิน อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินล้านนา เชิญตะวัน Art Festival ดังกล่าว การผลักดันให้เชียงรายเป็นเมืองหลวงของชาและกาแฟโดยเชิญชวนจังหวัดต่างๆ ที่มีผลผลิตไปประชุมหารือ ซื้อขาย แลกเปลี่ยน จัดงานชาติพันธุ์เอ๊กซโปร์ ส่งเสริมงานประจำปีอย่างงานบูชาพระธาตุดอยตุงซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นให้เป็นงานระดับจังหวัดและอยู่ในปฏิทินการท่องเที่ยวระดับประเทศ ฯลฯ คาดหวังว่าจะทำให้เพิ่มขึ้นถึง 30% และหากทำอย่างต่อเนื่องไปอีก 4-5 ปีก็จะทำให้เราแข่งขันกับสิงคโปร์ได้แน่นอน” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
ด้านนายอมร กล่าวว่า กิจกรรมจะมีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ตลอดระยะเวลา 7 วันดังกล่าว ทั้งการชมพุทธศิลป์ภายในไร่เชิญตะวัน ผลงานทางศิลปะ การแสดงสุนทรียภาพด้านดนตี อาหารล้านนา ชา กาแฟ วรรณศิลป์ โซนปฏิบัติธรรม ฯลฯ อย่างหลากหลายที่สุด ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวไปเยือนมากขึ้นในช่วงกรีนซีซั่นอย่างแน่นอน.