ข่าวเด่น

ปส.นำลุยชายแดน “ชัยยะสยบไพรี 61/5 เด็ดดอกไม้พิษ” ปราบโอนเงินค้ายาชายแดน

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส.พล.ต.ต.วุฒิพงศ์ เพ็ชรกำเหนิด ผบก.ปส.3 ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.ร่วมกับตำรวจภูธร ภ.5 บก.ภ.จว.เชียงราย ทหารกองกำลังผาเมือง กองทัพภาคที่ 3 สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ภาค 5 สำนักงานป้องกันการฟอกเงิน (ปปง.) ฝ่ายปกครอง ศุลกากร สรรพากร ฯลฯ เปิดยุทธการตามแผน “ชัยยะสยบไพรี 61/5 เด็ดดอกไม้พิษ” ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 14-15 พ.ค.2561 เพื่อปราบปรามการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มนักค้ายาเสพติด โดยเฉพาะการใช้บัญชีตัวแทนทั้งชาวไทยและเมียนมาในภาคเหนือเพื่อซื้อขาย ฟอกเงินและขนเงินจากการค้ายาเสพติด

ทั้งนี้ปฏิบัติการดังกล่าวมีขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศโดยใช้กำลังร่วมกับหน่วยงานต่างๆ รวมกันกว่า 1,500 นาย โดยเป็นตำรวจ ปส.กว่า 750 นาย ทำการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายรวมกันกว่า 80 เป้าหมาย

ในส่วนของพื้นที่ ภ.5 มีจำนวน 17 เป้าหมายโดยมี อ.แม่สาย เป็นเขตปฏิบัติการสำคัญเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตรวจพบคดีสำคัญโดยเมื่อวันที่ 31 มค.2560 ตำรวจ ปส.ได้จับกุมตัวนายณัฐพล นาคคำ พร้อมพวกพร้อมของกลางยาคีตามีนและไฟว์ไฟว์ จึงขยายผลจับกุมตัวนายอัครกิตต์ วรโรจน์เจริญเดช ได้อีกคนและตรวจสอบพบมีการโอนเงินค่าซื้อยาเสพติดเข้าบัญชีชาวเมียนมาด้วย

ต่อมาวันที่ 6 ก.พ.2561 ตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง จับกุมนายนิพนธ์ กลิ่นระรื่น และ น.ส.เฉลิมพร กรอนกระโทก พร้อมยาบ้าจำนวน 46,000 เม็ด ยาไอซ์ 1,570 กรัม ก็พบมีการโอนเงินค่าซื้อเข้าบัญชีชาวเมียนมาคนเดียวกันอีก ทางตำรวจ ปส.จึงสืบสวนธุรกรรมการเงินจนพบว่ามีนางเพ็ญศรี ก้างออนตา ซึ่งเป็นคนไทยเป็นผู้ที่ทำธุรกรรมจึงได้ขออนุมัติหมายจับแล้ว

เจ้าหน้าที่สืบทราบอีกว่านอกจากนี้ยังมี น.ส.ทับทิม ใหญ่ทอง ทำหน้าที่ด้านการเงินให้กับเครือข่ายการค้ายาเสพติดด้วย โดยตรวจพบว่าจากการที่ตำรวจจับกุมตัวนายไพบูลย์ โอสถ นายสิทะพงค์ แซ่ตัน และ น.ส.สุชาดา ขำยินดี พร้อมยาบ้า 60,777 เม็ด ได้ที่ อ.เมือง จ.นนทบุรี และเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา พบหลักฐานสลิปโอนเงินส่งให้เครือข่ายโดยมี น.ส.ทับทิม เป็นคนทำธุรกรรม

เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าหลังการโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้วจะมีนักค้ายาเสพติดเข้าไปถอนเงินแล้วนำใส่เป้สะพายกระเป๋านักเรียนชาวเมียนมาที่ชายแดน ซึ่งข้ามมาเรียนหนังสือในฝั่ง อ.แม่สาย จากนั้นทำทีเป็นนำเงินข้ามกลับไปยังฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ที่อยู่ติดกันเพื่ออำพราง

สำหรับผลการปฏิบัติการตามแผน “ชัยยะสยบไพรี 61/5 เด็ดดอกไม้พิษ” พบว่าสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้นจำนวน 20 คนจากทั้งสิ้น 18 คดี โดยมีผู้ต้องหารายสำคัญจำนวน 5 รายคือนางเพ็ญศรีและ น.ส.ทับทิม ดังกล่าวและยังมีนายไส เทน มิน ชาวเมียนมา น.ส.เมวิกา ชาญอาวุธ และ น.ส.หอมนวล ยอดอ่อน ปฏิบัติการเกี่ยวข้องกับของกลางที่ถูกยึดได้คือยาบ้าจำนวน 6,194,000 เม็ด เฮโรอีน 70 กิโลกรัม ยาไอซ์ 493 กิโลกรัม ยาอี 18,000 เม็ด ยาอีผง 1 กิโลกรัม คีตามีน 10 กิโลกรัม ใบกระท่อม 50 ใบ ปืน 3 กระบอก ตรวจยึดทรัพย์สินเป็นรถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน บ้านพร้อมที่ดิน 2 หลัง เงินสด 4,275,487 บาท อายัดเงินในบัญชี 5,397,046 บาท โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง รวมมูลค่าของกลางสิ้น 19,789,533 บาท

ล่าสุดเจ้าหน้าที่ ปส.และหน่วยงานพิสูจน์หลักฐานจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยังคงปฏิบัติการจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และทาง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 เดินทางไปตรวจดูผลการปฏิบัติการและร่วมทำแผนชี้จุดต่างๆ ตามที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาได้ด้วย

ด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า แผนยุทธการชัยยะสยบไพรี 61/5 เด็ดดอกไม้พิษ เป็นการบูรณาการร่วมกันของกำลังด้านความมั่นคงทุกฝ่ายตามนโยบายของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น โดยมีทาง ปส.เป็นหัวเรือใหญ่ในการดำเนินการ โดยแผนปฎิบัติมีส่วนสำคัญใการสกัดกั้นยาเสพติดแม้เส้นทางการเงินจะไม่ได้เข้าไปมีส่วนใหนารค้าโดยตรง แต่ก็มีส่วนเชื่อมโยงการสนับสนุนให้เกิดการค้า ซึ่งเครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายใหญ่มีการเปิดบัญชีหลายบัญชี โดยพบบัญชีหนึ่งมีเงินหมุนเวียนกว่า 240 ล้าน และอีกบัญชีมีสูงกว่า 100 ล้านบาท  ซึ่งจะให้ทาง ปปง.ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ทางด้าน พล.ต.ท.สมหมาย  กล่าวว่า การปฎิบัติงานได้ผลเกินคาดเพราะสามารถตรวจยึดเงินสดของกลุ่มขบวนที่ อ.แม่สอด จ.ตาก อีกกว่า 9 ล้านบาท ที่กรุงเทพมหานคร ได้ยาอีกกว่า 1 ล้านเม็ด ผลิตภัณฑ์เกี่ยวยาเสพติด ยาอี ยาเค โดยเฉพาะไอซ์ที่ได้กว่า 60 กิโลกรัม โดยการค้ามีพฤติกรรมใช้ร้านทองบังหน้า มีการโอนเงินให้กับร้านทองเพื่อซื้อขายยาเสพติด เมื่อถูกตรวจสอบอ้างว่าเป็นการซื้อขายทอง ซึ่งในทางสรรพากรดำเนินการตรวจสอบแล้ว ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท สิ่งที่สำคัญคือวิธีการลำเลียงเงินจะใช้กลุ่มเด็กและเยาวชนใส่เงินสะบายเป้หลังเดินข้ามด่านซึ่งเป็นสิ่งง่ายเกินไป ซึ่งถึงเวลาที่จะต้องกำจัดเครือข่ายตรงนี้ โดยที่จับได้ในครั้งนี้เป็นเพียงเครือข่ายเล็กๆ ที่เป็นแค่ลูกหาบเท่านั้น โดยทำกันเป็นทีมซึ่งมีจำนวนมากหลายร้อยทีม กระจายไปพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งยอมรับว่าการจะปราบขบวนการเหล่านี้ให้หมดไปทำได้ยาก ลำพังเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการคงไม่หมดต้องได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆด้วย การปฎิบัติงาน 1-2 วันมานี้ทำให้ตอบโจทย์ได้ว่าสามารถสกัดกั้นตัวยา รุกคืบให้พื้นที่ที่ถูกรุกมาเข้าใช้พื้นที่แม่สายเป็นเส้นทางการเงินให้ถอยร่นไปในประเทศเมียนมา ถือเป็นกรณีศึกษาได้ ตราบใดที่สกัดเส้นทางการเงินไม่ได้การค้ายาเสพติดก็ยังมีอยู่เพราะอำนาจเงินนั้นมีมาก สำคัญอย่างยิ่งจะต้องหาจุดเชื่อมโยงให้ได้ว่าเงินเหล่านี้จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้านไหน หากหาไม่ได้ก็ไม่มีความผิดมูลฐานที่จะจับกุมบุคคลเหล่านี้ได้

รายงานแจ้งว่า ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย ถือเป็นเขตเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญที่เชื่อมระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับรัฐฉานของเมียนมา โดยปี 2560 ที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าผ่านศุลกากรรวมกว่า 8,245,251,060.17 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค เชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ รวมกันกว่า 8,010,272,527.19 ล้านบาท ขณะที่ฝั่งรัฐฉานนอกจากจะเป็นเขตปกครองโดยตรงของรัฐมานเมียนมายังมีเขตปกครองพิเศษที่ 2 ของกลุ่มว้าทั้งภาคเหนือและภาคใต้ เขตปกครองพิเศษที่ 4 ของกลุ่มพันธมิตรหลายชาติพันธุ์ ฯลฯ ซึ่งบางกลุ่มมีประวัติด้านการผลิตยาเสพติดและเชื่อมโยงการค้าและการฟอกเงินกับชายแดนไทย-เมียนมา ดังกล่าว.