ชร.พบโควิดฯ รายที่ 3 อาการหนักมากับทัวร์สาย กทม.-เชียงแสน ตามหาผู้เดินทางมาด้วยกันอีก 30-40 คน
เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2563 ที่ห้องแถลงข่าว ศาลากลาง จ.เชียงราย นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นายแพทย์ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย และนายแพทย์ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดต่อไวรัสโควิด-19 พื้นที่ จ.เชียงราย โดยระบุว่าปัจจุบัน จ.เชียงราย ได้มีผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรคแล้วจำนวน 94 ราย เมื่อตรวจแล้วพบมีผู้พบเชื้อแล้วจำนวน 3 ราย ทำให้ปัจจุบันไม่มีผู้ที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังรายใหม่แล้ว โดยผู้ป่วยรายแรกเป็นชายอายุ 35 ปีชาว อ.เทิง ที่เดินทางกลับจากปอยเปต ประเทศกัมพูชา และย่านทองหล่อ กรุงเทพฯ ขณะที่รายที่ 2 พบเป็นหญิงอายุ 58 ปีโดยเป็นมารดาของภรรรยา ของรายแรก ส่วนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายล่าสุดเป็นชายอายุ 33 ปี ชาว อ.แม่จัน
โดยนายภาสกร กล่าวว่า ปัจจุบัน จ.เชียงราย มีการใช้มาตรการ 2 ทางคือใช้การประกาศ แนะนำและประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน และใช้สั่งการไปยังหน่วยงานส่วนราชการต่างๆ หรือหากรุนแรงขึ้นก็จะใช้หนังสือคำสั่งซึ่งผู้ฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมายทั้งนี้ก็เพื่อควบคุมการระบาดให้ได้ผล ที่ผ่านมาได้ปิดด่านพรมแดนไปแล้วเหลือเพียง 2 จุดที่ อ.แม่สาย และ อ.เชียงของ เพื่อการขนส่งสินค้าที่มีใบขนศุลกากรเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ได้มีการผ่อนผันกรณีคนตกค้างทั้งไทย เมียนมา และ สปป.ลาว จนถึงวันที่ 25 มี.ค.2563 ทำให้ล่าสุดพบมีแรงงานเมียนมากลับตามมาตรการผ่อนผันแล้วจำนวน 209 ราย และ สปป.ลาว 34 คน ส่วนคนไทยมีตกค้างแล้วกลับมาแล้ว 15 คน ทั้งนี้หลังพบผู้ป่วยเพิ่มเติมดังกล่าวจะมีการประชุมคณะทำงานและดูสถานการณ์ว่าจะเพิ่มมาตรการให้สูงขึ้นหรือไม่ ดังนั้นขอให้ประชาชนช่วยร่วมมือโดยกรณีกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือต่างประเทศให้กักตัวไว้ 14 วัน ส่วนประชาชนทั่วไปก็ขอให้ออกไปเฉพาะยามจำเป็น เช่น ไปซื้อสินค้า ฯลฯ
ทางด้านนายแพทย์ทศเทพ กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยรายแรกนั้นถือว่าเข้ามา จ.เชียงราย วันที่ 7 มี.ค.และไปตรวจหาเชื้อด้วยตัวเองวันที่ 16 มี.ค.ก่อนทราบผลวันที่ 20 ม.ค.จากนั้นได้มีการสืบสวนหาผู้ใกล้ชิดพบมีจำนวน 10 คน ล่าสุดพบว่ากลุ่มเสี่ยง 9 คนนั้นไม่พบเชื้อแต่ก็มาพบในรายที่เป็นแม่ยายวัย 58 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยรายที่ 2 ดังกล่าว ปัจจุบันทั้งคู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เจ้าหน้าที่ยังได้สืบสวนไปถึงผู้ใกล้ชิดกับแม่ยายวัย 58 ปีดังกล่าวพบมีผู้ที่มีความเสี่ยงใกล้ชิดจำนวน 14 รายโดยเฉพาะเมื่อไปร่วมงานขึ้นบ้านใหม่วันที่ 19 มี.ค.ปัจจุบันจึงให้ทั้ง 14 รายกักตัวดูอาการเป็นเวลา 14 วัน หรือจนถึงวันที่ 3 เม.ย.นี้แล้ว ซึ่งก็ถือว่ากรณีของ 2 รายแรกได้ดำเนินการกลุ่มเสี่ยงแล้วเสร็จแล้ว
“ส่วนกรณีราย อ.แม่จัน นั้นทำงานที่สถานบันเทิงย่านทองหล่อ กรุงเทพฯ เดินทางมาถึง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 21 มี.ค. โดยเดินทางมากับรถสมบัติทัวร์ กรุงเทพ-เชียงแสน ปรับอากาศ vip 24 ที่นั่ง เลข 3-1 ทะเบียน 16-3473 กทม. ออกเดินทาง วันที่ 21 มี.ค.2563 เวลา 19.15 จาก บริษัทสมบัติทัวร์ ถึง อำเภอเชียงแสน ปลายทาง เวลา 08.00 วันที่ 22 มี.ค2563
เมื่อมาถึงก็ป่วยมีไข้จึงไปพบแพทย์ทันที เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ก็พบว่าติดเชื้อแล้ว ปัจจุบันส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงอยู่ระหว่างสำรวจเส้นทางเดินทางพบว่ามาด้วยรถทัวร์โดยสาร จึงกำลังติดตามหาคนที่นั่งมาด้วยทั้ง 30-40 คนเพื่อให้กักตัวโดยจะประชาสัมพันธ์รถ หมายเลขรถ วันและเวลาเดินทางทางเวปไซต์กรมควบคุมโรคเพื่อให้ผู้ที่อยู่บนรถไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโดยเร็วแล้ว” นายแพทย์ทศเทพ กล่าว
ทั้งนี้นายแพทย์ไชยเวช กล่าวว่า อาการของผู้ป่วยรายที่ 1-2 พบว่าไม่มีไข้และไอแต่อย่างใดซึ่งก็จะรักษตามอาการตามมาตรฐานเป็นเวลา 2-7 วัน จากนั้นหากไม่มีไข้เกิน 48 ชั่วโมง หายใจไม่เกิน 20 ครั้งต่อนาที อ๊อกซิเจนในเลือดเกิน 94% ในอากาศปกติ ก็จะพิจารณาให้กลับไปกักตัวที่บ้านต่อ 14 วันและให้ใส่หน้ากากอนามัยต่อไปอีก 1 เดือนต่อไป
“ส่วนกรณีผู้ป่วยรายล่าสุดที่ อ.แม่จัน มีไข้และปอดอักเสพทั้ง 2 ข้างแต่หลังเข้ารับการรักษาเมื่อเที่ยงคืนกว่าที่ผ่านมาพบว่าอาการหายใจดีขึ้นแล้ว ทั้งนี้ตนขอบอกว่าจำนวนผู้ป่วยใน จ.เชียงราย จะเพิ่มมากขึ้นสูงหรือไม่ขึ้นอยู่กับประชาชนที่เมื่อรู้ตัวว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงให้ไปพบเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโดยด่วน” นายแพทย์ไชยเวช กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าล่าสุดทาง จ.เชียงราย ได้มีประกาศแจ้งให้ผู้ที่กลับมาจากกรุงเทพฯ ด้วยรถโดยสารสมบัติทัวร์ เที่ยววันที่ 21 มี.ค.ถึงเวลาประมาณ 19.15 น. รถคันที่ 3 ขอให้ไปรายงานตัวด่วนที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพสต.) ใกล้บ้านแล้ว เพราะพบผู้ป่วยรายที่ 3 แล้วดังกล่าวและมีผู้ที่มีความเสี่ยงบนรถทัวร์ 30-40 คน.