แม่น้ำโขงเหนือสามเหลี่ยมทองคำแห้งเรือสินค้าเกยตื้นกระทบการค้าชายแดน
เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประกอบการเดินเรือเอกชนบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก หมู่ 1 ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ต้องนำไม้ไฝ่มาสร้างเป็นสะพานยื่นต่อไปในกลางแม่น้ำโขง เพื่อใช้เป็นท่าเทียบเรือและจุดขนถ่ายผู้โดยสารเป็นการชั่วคราว ภายหลังภาวะภัยแล้งทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงได้ลดระดับลงเหลือไม่ถึง 2 เมตร โดยมีระดับเพียง 1.89 เมตร ทำให้น้ำเกิดความตื้นเขินจนเห็นสันดอนทรายโป๊ะเรือของเอกชนอย่างน้อย 2-3 แห่งจากที่มีอยู่ประมาณ 8 แห่งเรือไม่สามารถเทียบท่ารับส่งผู้โดยสาร การสร้างสะพานยื่นไปในน้ำโขงจึงเป็นการแก้ปัญหาให้ท่าเรือสามารถใช้บริการได้แต่ผู้ใช้บริการจะต้องเดินเท่าในระยะทางไกลกว่าเดิม
นอกจากบริเวณสามเหลี่ยมทองคำทางตอนเหนือของแม่น้ำโขงช่วงเขตชายแดนประเทศเมียนมากับสปป.ลาว ก็พบว่าเกิดการตื้นเขินเช่นเดียวกันโดยเฉพาะที่จุดที่เรียกว่าร่องแสนผี ร่องมองป่าเหลียวและร่องตาอ้อ โดยมีสันดอนทรายและโขดหินโผล่ขึ้นจากน้ำเป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือขนาดใหญ่ทั้งเรือเดินสินค้าและเรือท่องเที่ยวที่เดินทางมาระหว่างประเทศไทยไปยังประเทศจีน ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้เรือเกิดอุบัติเหตุเรือล่มและชนกันจำนวนหลายลำ ทำให้มีเรือและสินค้าเสียหายหลายลำ นอกจากนี้ยังมีเรือติดสันดอนทรายอีกจำนวนมาก
ล่าสุดทางนายสุรนาท ศิริโชติ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเชียงรายจึงได้ออกประกาศสำนักงานเจ้าท่าภูมภาคสาขาเชียงรายเรื่องระมัดระวังการเดินเรือในแม่น้ำโขง ให้ผู้ประกอบการเดินเรือเฝ้าระวังและตรวจสอบค่าระดับน้ำอย่างใกล้ชิด และให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในเส้นทางดังกล่าวแล้ว
ทางด้านนางเกศสุดา สังขกร ประธานกลุ่มผู้ประกอบการค้าชายแดนอำเภอเชียงแสนและรองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าน้ำโขงปีนี้แห้งผิดปกติทำให้ส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนเป็นอย่างมาก ทุกปีที่ผ่านมาแม้จะเป็นช่วงฤดูแล้งก็ยังสามารถขนถ่ายสินค้าได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงนี้ต้องลดปริมาณขนส่งสินค้าลงจากปกติเรือที่บรรทุก 90 ตันก็จะลดลงเหลือเพียง 60 ตัน เพราะหากไม่ไม่ลดก็จะทำให้เรือไม่ประสบอุบัติเหตุก็จะเกยตื้น โดยในช่วง 2 วันก่อนมีเรือบางลำฝืนบรรทุกปริมาณเดิมทำให้เรือชนโขดหินสินค้าเสียหายทั้งหมด ขณะเดียวกันน้ำที่แห้งทำให้น้ำไหลเชี่ยวและร่องน้ำแคบทำให้เรือที่วิ่งสวนกันก็จะชนกันทำให้เรือได้รับความเสียหาย
นางเกศสุดา กล่าวด้วยว่า ปัญหาน้ำโขงแห้งไม่แน่ใจว่าเกิดจากภัยแล้งธรรมชาติหรือเกิดจากการสร้างเขื่อนของประเทศจีน แต่อยากให้รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวประสานความร่วมมือกับทางประเทศจีนในเรื่องการแจ้งการปิดเปิดและการระบายน้ำของเขื่อนให้ทางผู้ประกอบการไทยทราบ เพื่อที่จะประเมินการขนส่งสินค้าได้ถูกต้องหรือเปลี่ยนไปใช้เส้นทางบกในการขนส่งสินค้า เพราะทุกวันนี้ทางผู้ประกอบการไม่ทราบข้อมูลเลย
“วันนี้น้ำยังมากแต่เมื่อส่งสินค้าขึ้นไปถึงกลางทางน้ำแห้งทำให้เกยตื้นต้องเสียค่าใช้จ่ายในจ้างเรือซักลากหรือจ้างเรือเล็กไปขนถ่ายสินค้าซึ่งครั้งละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท ขณะเดียวกันยังต้องแบกภาระต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากการลดปริมาณขนส่งและค่าบรรทุกสินค้าที่แพงขึ้นเพราะเรือมีความเสี่ยง หากสถานการณ์น้ำโขงยังแห้งเช่นนี้จะทำให้การค้าชายแดนด้านอ.เชียงแสน มีปัญหาได้ในอนาคต” นางเกศสุดา กล่าว.