ตม.ลุ่มน้ำโขงยกระดับเพิ่มความร่วมมือ4ประเทศ12ด่าน
เมื่อวันที่ 19 ก.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องดอยตุง โรงแรมเดอะริเวอร์รี บาย กะตะธานี จ.เชียงราย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) โดยด่าน ตม.เชียงแสน จ.เชียงราย ชายแดนไทย-สปป.ลาว ได้จัดให้มีการประชุมโครงการศูนย์ประสานงานชายแดนจีเอ็มเอส เพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (BLO:Border Liaison Office Cooperation Anti Transnational Organized Crime) โดยมีกำหนดจัดประชุมระหว่างวันที่ 17-20 ก.ค.2562 โดยมี พล.ต.ต.ภาคภูมิพิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ รอง ผบช.ตม.เป็นประธานในการเปิดการประชุม โดยมีเจ้าหน้าที่ ตม.และหน่วยงานสนับสนุนจากทั้ง 4 ประเทศในกลุ่มจีเอ็มเอส คือ ไทย สปป.ลาว เมียนมา และจีนตอนใต้ จากทั้งหมด 12 ด่าน เข้าร่วมครบครัน
โดยการประชุมมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ ตม.แต่ละประเทศ การสกัดกั้นอาชญากรรมและการหารือเรื่องการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ
สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทางด่าน ตม.เชียงแสน ได้เริ่มประสานกับ ตม.ประเทศต่างๆ ทั้ง 3 ประเทศบนถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 4 ด่าน กระทั่งสามารถจัดตั้งเป็นศูนย์ประสานงานชายแดนจีเอ็มเอสฯ ดังกล่าวขึ้น ณ อาคารด่านพรมแดนตรงสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 ที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย ติดกับเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว
จากนั้นได้มีการจัดประชุมความร่วมมือกัน ณ เมืองจิ่งหง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26-28 พ.ค.2558 ซึ่งทุกชาติเห็นควรให้มีความร่วมมือชายแดนเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติร่วมกันโดยเฉพาะการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง จากนั้นยังมีการนัดหมายผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารปีละ 2 ครั้งมาอย่างต่อเนื่องด้วย
ทั้งนี้ในการประชุมครั้งนี้ได้มีการเพิ่มเติมความร่วมมือจาก ตม. ทั้ง 4 ประเทศ เป็นจำนวน 12 ด่านโดยเพิ่มทางน้ำโดยเฉพาะทางเรือแม่น้ำโขงและทางอากาศตามด่านที่แต่ละประเทศมีการเชื่อมโยงทางการบินถึงกัน จากเดิมที่มีความร่วมมือกันเฉพาะ 3 ประเทศคือไทย สปป.ลาว จีน ในจำนวน 4 ด่าน และต่อมาได้ยกระดับเป็น 10 ด่านตามลำดับ เพื่อให้เกิดความครอบคลุมในการประสานความร่วมมือโดยเฉพาะต่อเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานความมั่นคงของแต่ลประเทศกรณีเกิดภัยคุกคามจากอาชญากรรมทุกรูปแบบด้วย
โดยพล.ต.ต.ภาคภูมิพิภัทฒ์ เปิดเผยว่า ความจริงความประสานงานชายแดนเริ่มตั้งแต่ปี 2557 โดยเกิดจากความของ ตม.เชียงแสน และเริ่มมีการตั้งกลไกการปฏิบัติเพื่อยับยั้งภัยข้ามชาติโดยเฉพาะภัยจากมนุษย์ที่เข้าออกแดนกระทั่งสามารถพัฒนาสู่การเป็น 4 ประเทศ 12 ด่านดังกล่าว ทั้งนี้ความร่วมมือถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะปัญหาระหว่างประเทศไม่สามารถทำได้เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่ต้องอาศัยหลายประเทศดังนั้นจึงต้องมีความสัมพันธ์กันและกิจกรรมครั้งนี้จึงนอกจากจะประชุมหารือยังมีการเล่นกีฬา การศึกษาดูงาน ฯลฯ ร่วมกันด้วย
พล.ต.ต.ภาคภูมิพิภัทฒ์ กล่าวอีกว่า การใช้พาสปอร์ตปลอม ลักลอบขนยาเสพติด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เพียงแต่ว่ามีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นจึงจะมีการเน้นในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารโดยมีเป้าหมายซึ่งทุกประเทศมีจะต้องมีการเฝ้าระวังเป้าหมายที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ และแลกเปลี่ยนกัน เพราะทุกคนทราบกันอยู่แล้วว่าการประสานกันผ่านเอกสารของทางราชการบางครั้งเป็นไปด้วยความล่าช้าจึงต้องอาศัยความสัมพันธ์ต่อกันและให้เกิดความรวดเร็วต่อไป
“กรณีประเทศไทยมีการตั้งศูนย์คัดกรองสัมภาษณ์บุคคลที่อาจตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ขึ้นที่ด่านพรมแดนนั้นปัจจุบันความร่วมมือระหว่างประเทศยังไม่ก้าวถึงจุดนี้ แต่เป็นลักษณะของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันมากกว่ากระนั้นหากว่าเราได้ข้อมูลมาก็สามารถนำมาตรวจสอบด้วยศูนย์ดังกล่าวได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากมีการปลอมแปลงเอกสารผ่านด่านขณะที่ช่วงเวลาในการตรวจสอบมีน้อยซึ่งการตรวจอัตลักษณ์บุคคลซึ่งทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้วางระบบเอาไว้จะทำให้สามารถตรวจสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป” พล.ต.ต.ภาคภูมิพิภัทฒ์ กล่าว.