จัดตลาดนัดชายแดน17จว.เหนือ-เมียนมา-ลาว กระตุ้นตลาดค้าชายแดน
วันที่ 12 ก.ค.2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2562 ที่ห้องประชุมเชียงรุ้ง โรงแรมเวียงอินทร์ อ.เมืองจ.เชียงราย นางวนิดา ทิพย์ศักดิ์ พาณิชย์ จ.เชียงราย นางณัฐพร มหาไพบูลย์ พาณิชย์ จ.อุตรดิตถ์ นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานบิสคลับ ประเทศไทย และ ดร.อนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้า จ.เชียงราย ร่วมกันแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมการจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า “ตลาดนัดชายแดนภาคเหนือ” โดยมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 ก.ค.-4 ส.ค.2562 ณ สนามฝึกยุววรรณ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
โดยภายในงานจะมีการคัดสรรสินค้าคุณภาพจากเครือข่ายพาณิชย์จาก 17 จังหวัดภาคเหนือไปจัดแสดงรวมทั้งมีกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการค้า การลงทุนและการตลาดทั้งในและต่างประเทศครบครัน โดยงานจัดตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.เพื่อรองรับการปิดด่านพรมแดนไทย-เมียนมา เวลา 21.00 น.พร้อมทั้งมีเวทีแสดงดนตรี ศิลปวัฒนธรรมและมินิคอนเสิร์ตตลอดงานทั้ง 5 วัน โดยมีศิลปินดังมาร่วมงานคับคั่ง อาทิเช่น เท่ห์ อุเทน,หญิง ธิติกานต์,กบ ทรงสิทธิ์,อี๊ด ฟุตบาท ฯลฯ.
โดยนางวนิดา กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวกระทรวงพาณิชย์และเครือข่ายธุรกิจบิสคลับ ประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ 17 จังหวัดภาคเหนือ ให้สามารถขยายการค้าไปสู่ระดับชายแดนได้ รวมทั้งสร้างเครือข่ายทางธุรกิจของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือเองด้วย โดยภายในงานมีการจัดวางจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์คุณภาพของผู้ประกอบการ ธุรกิจขนาดกลางและย่อม หรือ เอสเอ็มอี และผู้ประกอบการค้าชายแดนในกลุ่ม 17 จังหวัดจำนวน 150 ร้าน รวมทั้งร้านค้าจากผู้ประกอบการจากประเทศเมียนมาและ สปป.ลาว อีกจำนวน 15 ร้าน รวมทั้งหมด 165 ร้าน โดยสินค้าต่างๆ ล้วนมีการคัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานรวมทั้งชนะเลิศระดับต่างๆ เช่น ข้าวหอมมะลิจาก อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ที่พึ่งชนะเลิศในปี 2562 ฯลฯ
“มีการประชุมทางธุรกิจหรือบิสซิเนสแมชชิ่งระหว่างผู้ประกอบการไทยกับทางผู้ประกอบการจากประเทศเมียนมา และ สปป.ลาว ซึ่งจะเดินทางไปร่วมจำนวน 20 กว่าราย หลังจากก่อนหน้านี้ได้เคยประชุมกับ 6 แขวงของ สปป.ลาว มาแล้ว 2 ครั้ง และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่จะได้แลกเปลี่ยนกันด้วย ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าการค้าชายแดนในปี 2561 มูลค่ารวม 1,392,629 ล้านบาท และในปีนี้ก็จึงตั้งเป้าให้ถึงระดับ 1.6 ล้านล้านบาทหรือ 15% ซึ่งการจัดงานเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนโดยหน่วยงานของรัฐเป็นตัวแทนในการเปิดโอกาสให้สินค้าของประกอบการจาก 17 จังหวัดภาคเหนือด้วย” นางวนิดา กล่าว
ทางด้านนางณัฐพร กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของภาคเหนือตอนล่าง 1 และ 2 จะมีการคัดสรรสินค้าคุณภาพดีจากจังหวัดต่างๆ ไปร่วมกิจกรรมมากมายโดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดทั้ง 2 กลุ่มนี้มียุทธศาสตร์การเป็นระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก เชื่อมแขวงไชยะบุรี สปป.ลาว-ด่านภูดู่-แม่สอด-รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา โดยมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย เช่น ผลิตภัณฑ์จากเหล็กน้ำพี้ที่มีชื่อเสียง ขนมเทียนเสวย เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เครื่องเงินสุโขทัย ทุเรียนหลงหลิน ฯลฯ
ด้าน ดร.อนุรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการมักพบปัญหาการผลิตสินค้าได้แต่ไม่มีตลาดขายโดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ดังนั้นการจัดงานลักษณะนี้จึงสามารถช่วยได้มากทั้งในแง่ของการค้าขายกันภายใน 17 จังหวัดและประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะตลาดในประเทศเมียนมา ทางหอการค้า จ.เชียงราย พึ่งเดินทางไปเยือน พบว่าสินค้าตามศูนย์การค้าส่วนใหญ่จะจำหน่ายสินค้าไทยหลากหลาย และด่านการค้าระหว่างมูเซ รัฐฉาน กับประเทศจีน ก็มีมูลค่าการค้ากว่า 75% ของการค้าชายแดนทั้งหมดของเมียนมา ซึ่งหอการค้า จ.เชียงราย เองก็มีข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาการค้าการลงทุนหรือเอ็มโอยูกับเมืองมูเซอ ตองจี ท่าขี้เหล็ก และเชียงตุง ของรัฐฉาน ทำให้จะได้มีการเชิญชวนให้มาร่วมงานดังกล่าวด้วย
นายพัฒนา กล่าวว่า บิสคลับมุ่งพัฒนาการขายสินค้าของกลุ่มเอสเอ็มอีจากเดิมที่ใช้ระบบออฟไลน์หรือวางจำหน่ายโดยตรง ก็เพิ่มระบบออนไลน์โดยมีการคัดสรรสินค้าจากผู้ประกอบการที่ผ่านคณะกรรมการคัดเลือกแล้วนำเสนอในออนไลน์หรือแพลตฟอร์ม โดยจะเปิดตัวในวันที่ 29 ก.ค.2562 โดยเรามีสินค้า 5 กลุ่มคือกลุ่มอาหารและเครื่องปรุงรส กลุ่มเครื่องสำอาง กลุ่มข้าว กลุ่มกาแฟ และกลุ่มเกษตรอินทรีย์ และทางบีสคลับก็จะเอ็มโอยูกับผู้ประกอบการเมียนมาและ สปป.ลาว ด้วย ซึ่งเวทีที่ อ.แม่สาย ครั้งนี้ก็จะมีความต่อเนื่องไปจนถึงการชักชวนให้ประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศเมียนมา และแขวงต่างๆ ใน สปป.ลาว ให้เข้าสู่แพลตฟอร์มร่วมกันเพราะตลาดปัจจุบันต้องอาศัยออนไลน์ที่สามารถร่วมกันจำหน่ายสินค้าไปได้ทั่วโลก.