ภาคเหนือ 2 เร่งพัฒนาธุรกิจอาหาร-อุตฯ ชี้เกษตรต้องรวมกลุ่ม-ตั้งเป้าได้40ผลิตภัณฑ์
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมหิรัญนคร โรงแรมเวียงอินทร์ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท เชียงราย ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการและประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการสร้างศักยภาพทางการตลาด ภายใต้โครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและอุตสาหกรรมเชิงนวัตกรรม โดยจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 22-24 พ.ค.2562 โดยมีผู้ประกอบธุรกิจจาก 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้แก่ จ.เชียงราย แพร่ พะเยา และน่าน เข้าร่วมจำนวน 150 คน โดยกิจกรรมยังมีการนำผลิตภัณฑ์ของกลุ่มต่างๆ มาจัดแสดง การจัดการแข่งขันไอเดียผลิตภัณฑ์สำหรับนักศึกษา ประชาชนและผู้ประกอบการโดยเน้นผลิตภัณฑ์จากวัตถุดิบทางการเกษตรเพื่อเชิงเงินรางวัลกว่า 100,000 บาท และมีการบรรยายเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในหลายหัวข้อตลอดระยะเวลา 3 วันที่จัดกิจกรรม
โดยนายภาษเดช กล่าวว่า ตามปกติผู้ประกอบการค้าโดยเฉพาะที่มีผลิตภัณฑ์อยู่ในตลาดถือเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่มีการเชิญชวนให้ผู้ประกอบการมาร่วมกิจกรรมเพราะต้องการให้มีการพัฒนาศักยภาพให้ยิ่งขึ้นไปอีก รวมทั้งเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการโดยเฉพาะในเขต 4 จังหวัดภาคเหนือและยังสร้างมุมมองใหม่ๆ ต่อเรื่องบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าโดยเฉพาะสินค้าประเภทข้าว ชา กาแฟ สมุนไพร ที่เป็นจุดแข็งในพื้นที่ ทั้งนี้โลกยุคปัจจุบันอาศัยการเป็นเครือข่ายจึงสามารถอยู่รอดได้โดยสังเกตุได้จากกลุ่มประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น สหภาพยุโรป อาฟต้า นาฟต้า ฯลฯ เพราะการแข่งขันในตลาดมีการต่อรองกันสูงมากและสิ่งที่ปรากฎให้เห็นในปัจจุบันคือการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจโลกคือสหรัฐอเมริกาและจีนเป็นตัวอย่างที่น่าจับตามอง
ทางด้านนางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรม จ.เชียงราย กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นโดยกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 โดยสำนักงานอุตสาหกรรม จ.เชียงราย แพร่ พะเยา และน่าน ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยได้เน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและอุตสาหกรรมการเกษตรเพื่อให้มีการสร้างตราสินค้าที่ได้มาตรฐานคือข้าว ชา และกาแฟ ให้ได้เปรียบทางการแข่งขันและมีศักยภาพด้านการตลาด โดยเมื่อจัดกิจกรรมแล้วจะมีการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาหรือต่อยอดให้มีศักยภาพแล้วไม่น้อยกว่า 40 ผลิตภัณฑ์ กิจกรรมยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมนำสินค้าไปจัดแสดงทั้งในและระดับนานาชาติปีละ 2 ครั้งๆ ละไม่น้อยกว่า 50 ราย
“นอกจากนี้ยังนำไปร่วมงานแสดงสินค้าหรือสร้างประสบการณ์ในต่างประเทศอีก 1 ครั้งๆ ละไม่น้อยกว่า 30 ราย นอกจากนี้ในเวทีที่จะมีการพบปะระหว่างสถาบันการศึกษาและผู้ประกอบการยังจะมีการหาแนวทางสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ในข้าว ชา กาแฟหรือผลผลิตทางการเกษตรอื่นให้ได้อย่างน้อย 5 ผลิตภัณฑ์เพื่อขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศด้วย” นางกฤษนันท์ กล่าว.