บูมต่อเนื่องธุรกิจรอบถ้ำหลวง ทั้งเต๊นท์-ม้า-ร้านค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์นี้พบว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นไปด้วยความคึกคักมากกว่าทุกวันหยุดที่ผ่านมา เนื่องจากในปัจจุบันทางศิลปินชาวเชียงรายนำโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ได้นำศิลปินพร้อมด้วยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้นำอนุสาวรีย์นาวาตรีสมาน กุนัน หรือจ่าแซม ผู้สละชีวิตในปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 คน ไปติดตั้งเอาไว้ที่หน้าศาลาอนุสรณ์สถานหน้าถ้ำหลวง ตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้จากเดิมที่ผู้คนต่างไปเยือนถ้ำหลวงเพื่อชมปากถ้ำที่เจ้าหน้าที่ยังคงกั้นรั้วปิดเอาไว้แล้วยังได้ไปชมอนุสาวรีย์จ่าแซม ที่สร้างจากโลหะบรอนซ์ สูงโดยไม่รวมฐาน 3.20 เมตร กว้าง 2.50 เมตร รวมทั้งชมภาพวาดใบใหญ่เกี่ยวกับปฏิบัติการดังกล่าววาดโดยศิลปินภายในศาลาอีกด้วย
โดยผู้คนที่ไปเยือนหน้าถ้ำหลวงส่วนใหญ่นอกจากจะพากันไปชมหน้าถ้ำหลวงโดยนำดอกไม้ธูปเทียนไปจุดบูชาศาลเจ้าแม่นางนอนบริเวณหน้าถ้ำแล้ว ยังนำดอกไม้ไปวางเชิดชูหน้าอนุสาวรีย์จ่าแซมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน จากนั้นจึงขึ้นไปชมภาพวาดและสัมผัสกับบรรยากาศที่รายล้อมด้วยขุนเขาสูงชันและเขียวขจี โดยเจ้าหน้าที่มีการจัดเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลทั้งหมดบริเวณลานหน้าปากถ้ำและนำภาพถ่ายโพรงหน้าถ้ำและภายในถ้ำใบใหญ่ 2 ใบตั้งเอาไว้ใกล้ป้ายวนอุทยานเพื่อให้ประชาชนได้ทราบลักษณะภายในถ้ำด้วยขณะที่ทางเข้าออกถ้ำหลวงซึ่งมีถนนเส้นเดียวยาวประมาณ 800 เมตรซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้นำยานพาหนะเข้าออกและต้องเดินเข้าพบว่ามีผู้คนเดินเข้าและออกอย่างเนืองแน่น
สภาพการณ์ดังกล่าวจึงทำให้เจ้าหน้าที่ต้องจัดวางกำลังและแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวอยู่ทุกระยะ เช่น ห้ามจุดธูปเทียนหน้าถ้ำเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ห้ามสวมรองเท้าเข้าไปภายในศาลาอนุสรณ์สถาน ห้ามปีนขึ้นไปบนฐานหินอ่อนที่รองรับอนุสาวรีย์จ่าแซมเพื่อถ่ายรูป เป็นต้น แต่ก็มีผู้ที่ละเมิดอยู่เนืองๆ ทำให้เจ้าหน้าที่่ได้ติดป้ายเอาไว้หลายจุดและคอยตักเตือนตลอดทั้งวัน นอกจากนี้พบว่าบริเวณริมถนนทางเข้าถ้ำหลวงได้มีร้านค้าท้องถิ่นที่พากันนำสินค้าไปวางจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้น จากเดิมที่อยู่เพียงประมาณ 20-30 ร้านใกล้กับสามแยกทางเข้าก็ได้ขยายออกไปทางด้านข้างและเข้าไปตั้งบนถนนบนทางเดินเข้าระยะ 800 เมตรดังกล่าวมากขึ้นเรื่อยๆ อีกจนมีประมาณ 100 ร้านแล้วทำให้มีสภาพเป็นตลาดและเจ้าหน้าที่ต้องห้ามจอดบนถนนอีกฟากหนึ่งของร้านเพื่อป้องกันการจราจรแออัด
ด้านผู้ประกอบการและเจ้าของที่ดินอยู่ที่หน้าทางเข้าวนอุทยานพบว่ามีทั้งผู้ที่มีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อนักท่องเที่ยว โดยหลายรายได้ปรับที่ดินของตัวเองเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวนำยานพาหนะไปจอดได้ฟรีโดยมีตู้รับบริจาคตามอัธยาศัยเพื่อนำมาใช้จ่ายด้านห้องน้ำที่จัดเตรียมไว้ให้ด้วยโดยเฉพาะด้านหน้าสามแยกทางเข้าทำให้ผู้คนได้รับการอำนวยความสะดวกพอสมควร นอกจากนี้เอกชนบางรายได้ปรับพื้นที่ขนานใหญ่และจัดพื้นที่นอนกางเต๊นท์เพื่อชมขุนเขาหน้าถ้ำหลวง ขณะที่บางรายนำม้าให้บริการนั่งสำหรับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าออกระยะทาง 800 เมตรดังกล่าว คิดค่าบริการไปเที่ยวเดียว 50 บาทและไปกลับรวม 100 บาทซึ่งสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวด้วย
อาจารย์เฉลิมชัย กล่าวว่า เมื่อก่อสร้างศาลาและมีอนุสาวรีย์จ่าแซมแล้วสถานที่แห่งนี้จะต้องหาเลี้ยงตัวเองได้ไม่ใช่สร้างแล้วปล่อยไว้ก็จะร้างไปโดยไม่มีคนดูแล ดังนั้นจึงจะร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ ด้วยการให้สมาคมขัวศิลปะร่วมบริหารจัดการเพื่อคอยดูแลอาคารสถานที่ มีการจัดหารายได้ในอนาคตเพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่าย อันจะทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าและเข้ากับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืนต่อไป.