ครั้งแรกของไทย ใช้แอป “บำเพ็ญ” ควบคุมโคมลอย
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงคมนาคม เปิดตัวแอปพลิเคชั่นบำเพ็ญ สำหรับใช้ในการบริหารจัดการโคมลอย หน้าที่ว่าการอำเภอเชียงแสน จ.เชียงราย ตั้งเป้าให้หน่วยงานทุกฝ่าย โดยเฉพาะภาคประชาชนใช้งานจาก “บำเพ็ญ” อย่างจริงจัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความปลอดภัยให้กับการคมนาคมทางอากาศของประเทศ โดยไม่กระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีอันดีงามของคนไทย
โดย ว่าที่ร้อยตรี ณรงค์ โรจนโสทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบันการปล่อยโคมลอยนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายและผลกระทบต่อการคมนาคมทางอากาศได้ หลายปีที่ผ่านมามีการแจ้งพบโคมลอยขณะทำการบินโดยนักบินไม่ได้รับแจ้งเตือนล่วงหน้า ซึ่งหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทยจำกัด พยายามแก้ไขปัญหาในจุดนี้โดยได้ขอความร่วมมือและสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในท้องถิ่นหรือผู้ที่ต้องการประกอบกิจกรรมการปล่อยโคมลอย เกี่ยวกับการจัดพื้นที่ควบคุมและเฝ้าระวังบริเวณโดยรอบสนามบิน และเส้นทางบินเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงประเพณีลอยกระทง
ว่าที่ร้อยตรี ณรงค์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ตระหนักถึงผลกระทบด้านความปลอดภัยที่เกิดจากกิจกรรมการปล่อยโคมลอยมาโดยตลอด แม้ว่าจะมีมาตรการและข้อบังคับ แต่ก็ยังไม่ได้มีการเชื่อมต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการคมนาคมทางอากาศอย่างครบวงจร ทำให้ยังไม่สามารถวิเคราะห์ถึงผลกระทบด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นกับการคมนาคมทางอากาศได้ทั้งหมด เช่น เขตพื้นที่ห้วงอากาศสำหรับการเดินอากาศ หรือเส้นทางการจราจรทางอากาศ รวมถึงข้อมูลที่สำคัญบางส่วนในใบอนุญาตอาจยังไม่ครบถ้วนเพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์
“ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือจิสด้า จึงทำการพัฒนาระบบเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการปล่อยโคมลอย เพื่อควบคุมและเพิ่มความปลอดภัยในการคมนาคมทางอากาศ โดยการนำระบบภูมิสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการ ทั้งในส่วนของการส่งคำขอใบอนุญาตจากทางภาคประชาชน การรับรองคำขอจากหน่วยงานปกครองส่วนท้องที่ การวิเคราะห์ความปลอดภัย รวมไปถึงการออกใบอนุญาตทั้งกระบวนการแบบครบวงจร เพื่อเชื่อมโยงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และรักษาความปลอดภัยทางการคมนาคมทางอากาศของประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการนำไปใช้กับกิจกรรมบั้งไฟในพื้นที่ภาคอีสานแล้ว โดยประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้การตอบรับถึงความสะดวกสบาย และประสิทธิภาพจากการใช้งานระบบเป็นอย่างดี จึงได้มีการขยายผลการนำระบบดังกล่าวมาทดสอบใช้งานสำหรับกิจกรรมโคมลอยให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นำร่องภาคเหนือ ใน 2 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย เมื่อต้นเดือนกันยายน 2561 ได้รับทราบ ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงคมนาคม, บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด, กรมการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และการท่าอากาศยานไทย” ว่าที่ร้อยตรี ณรงค์ กล่าว
ทางด้าน นายอนุสรณ์ รังสิพานิช รักษาการนักภูมิสารสนเทศเชี่ยวชาญพิเศษ ของจิสด้า กล่าวว่า จิสด้าได้พัฒนาเครื่องมือภูมิสารสนเทศมาใช้บริหารจัดการด้านการคมนาคมทางอากาศและความปลอดภัยทางอากาศ หรือที่เรียกว่า GISAVIA ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานใน 2 ส่วนหรือ Dual use ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งมิติของความมั่นคงและมิติด้านพลเรือน รองรับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยจุดเด่นของ GISAVIA พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการเติบโตของการจราจรทางอากาศ เพิ่มขีดความสามารถทางด้านความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน่านฟ้าการจราจรทางอากาศตามมาตรฐานสากล ซึ่งจากความสามารถของ GISAVIA นั้น ได้มีการต่อยอดไปสู่การพัฒนาเป็นแอปพลิเคชั่น เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงภาคประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้อย่างง่าย นั่นก็คือ “บำเพ็ญ” เป็นแอปพลิเคชั่นสนับสนุนการบริหารจัดการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการควบคุมการปล่อยโคมลอยที่มีมากขึ้น โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งจะตรงกับประเพณีลอยกระทงของประเทศ อย่างไรก็ตามการพัฒนาระบบเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการดังกล่าวจะต้องไม่กระทบกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาช้านานของคนในพื้นที่ด้วย
“แอปพลิเคชั่น “บำเพ็ญ” จะช่วยแจ้งเตือนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมทางอากาศ ได้รับทราบถึงจุดหรือพิกัดที่จะมีการปล่อยโคมลอย เพื่อจะได้วางแผนในเส้นทางการบิน และไม่ให้เกิดอันตรายหรือผลกระทบกับการคมนาคมทางอากาศ ทั้งด้านทางทหาร ด้านพลเรือน ด้านการบินพาณิชย์ เป็นต้น นอกจากนี้ แอปพลิเคชั่นดังกล่าว จะช่วยให้ประชาชนที่ลงทะเบียนใช้งาน ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และไม่จำเป็นต้องกรอกเอกสารบนกระดาษอีกต่อไป ช่วยประหยัดเวลาในการยื่นเอกสาร รวมทั้งผู้ใช้งานสามารถติดตามคำขอของตนเองได้ด้วย” นายอนุสรณ์ กล่าว.