ข่าวเด่น

ปลุก 5 เชียง จ่อชงครม.สัญจร เอกชนขานรับขอวีซ่าเที่ยวได้ทุกเมือง

เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องดอยตุง โรงแรมเดอะริเวอร์รี บาย กะตะธานี เชียงราย อ.เมือง จ.เชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ร่วมกับตัวแทนภาคการท่องเที่ยวจากเมืองเชียงรุ่งหรือจิ่งหง เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา เมืองเชียงทอง (หลวงพระบาง) แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว จ.เชียงใหม่ ร่วมกันเปิดงานส่งเสริมการท่องเที่ยว 5 เชียง

โดยกิจกรรมมีการจัดนิทรรศการ 5 เชียง การเสวนาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนทางธุรกิจระหว่างประเทศร่วมกันครบครัน โดยการส่งเสริมการท่องเที่ยว 5 เชียง ดังกล่าวถือเป็นการนำแนวคิดเดิมที่ภาครัฐและเอกชนใน จ.เชียงราย เคยร่วมกันนำชื่อของเมืองที่พ้องกันทั้ง 5 เมืองโดยมี จ.เชียงราย เป็นศูนย์กลางมาส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนมาส่งเสริมกันใหม่อีกครั้ง

โดยนายประจญ กล่าวว่า เชียงรายถือเป็นศูนย์ด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและโบราณสถาน รวมทั้งมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตล้านนา ทำให้ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจาก 5 เชียง โดยเฉพาะจากจีนเข้ามาท่องเที่ยวที่เชียงรายรวมทั้งเชียงใหม่เพิ่มขึ้นถึง 31.51% และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเนื่องจากตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาได้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่ม 5 เชียงมาโดยตลอด รวมทั้งในปัจจุบันเส้นทางคมนาคมดีขึ้น สามารถเดินทางจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย เข้าไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นด่านถาวรแห่งเดียวของรัฐฉานที่ปัจจุบันรัฐบาลเมียนมากำลังพิจารณาใช้ระบบวีซ่า ส่วนการเดินทางก็มีข้อตกลงใช้รถระหว่างเชียงราย-เชียงตุง ด้วย นอกจากนี้ยังมีสายการบินที่ท่าขี้เหล็กให้บริการถึง 8 สายการบิน ในอนาคตหากมีวีซ่า ออล อะไรวัล ก็จะทำให้การท่องเที่ยวเติบโตขึ้นอีกมาก

นายประจญ กล่าวอีกว่า ด้านเมืองเชียงรุ่งก็มีการพัฒนารุดหน้าและมีนักท่องเที่ยวไปเยือนจำนวนมากเช่นกัน ปัจจุบันจีนยังสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่และรถไฟความเร็วสูงที่เขตปกครองตนเองสิบสองปันนาเข้าไปยังรัฐฉานของเมียนมาและแขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว ซึ่งจะทำให้เกิดเครือข่ายใหม่ๆ ขึ้นมาอีก เช่นเดียวกับที่หลวงพระบางที่เชื่อมโยงกับเชียงรายและเชียงใหม่ทั้งทางเรือแม่น้ำโขงและทางเครื่องบินรวมถึงทางบกครบถ้วน ดังนั้นในอนาคตคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวใน 5 เชียงแต่ละปีรวมกันไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคนแน่นอน

ทั้งนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นที่ จ.เชียงราย ในเร็วๆ นี้นั้นทางจังหวัดและที่ปรึกษาภาคเอกชนจะมีการนำเสนอโครงการเชื่อมโยงภาคเหนือตอนบน 2 กับกลุ่ม 5 เชียงดังกล่าวเพื่อพัฒนาให้คืบหน้าต่อไป

ทางด้าน ดร.อนุรัตน์ อินทร ประธานอาวุโสหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า โครงการ 5 เชียงถือเป็นเรื่องที่ดีที่หลายฝ่ายร่วมกันส่งเสริมมานานหลยปีแล้ว เพราะเชียงรายและเชียงใหม่ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของภาคเหนือโดยมีเชียงรายเป็นหน้าด่านเชื่อมกับเมืองต่างๆ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ในปัจจุบันเส้นทางคมนาคมดีขึ้นมากและภาคเอกชนนำเที่ยวตามเมืองต่างๆ ก็ตื่นตัวและมีความพร้อมมากขึ้นทำให้ถึงเวลาที่จะต้องผลักดันให้ 5 เชียง ที่ต่างมีเอกลักษณ์การท่องเที่ยวที่คล้ายก้ันให้มีความสะดวกในการท่องเที่ยวมากขึ้น

“ควรผลักดันให้มีการเปิดใช้วีซ่า 5 เชียง โดยอาจกำหนดโปรแกรม 5 วัน 7 วัน หรือ 14 วัน ในการใช้วีซ่าใบดังกล่าวแล้วเที่ยวได้ทุกเมืองดังกล่าว ส่วนการเดินทางนั้นสามารถอยู่ในประเทศใดๆ ได้ตามวันที่กำหนดและเมื่อถึงเวลากลับก็สามารถเดินทางออกในเมืองอื่นๆ ใน 5 เชียง ได้ เช่น เชียงราย-เชียงรุ่ง สามารถไปรถกลับเรือ ไปเรือกลับรถ หรือทางเครื่องบินได้ เป็นต้น รวมทั้งสามารถใช้ความร่วมมือนี้ผลักดันให้ประเทศจีนและเมียนมาเปิดด่านเมืองลาบนถนนอาร์สามบีซึ่งเชื่อมแม่สาย-เชียงตุง-เชียงรุ่ง ได้อีกด้วยเพราะปัจจุบันยังปิดอยู่และมีการใช้เฉพาะถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-เชียงรุ่ง ต่อไปอีกด้วย” ดร.อนุรัตน์ กล่าว.