ข่าวกิจกรรม

พี่อ้อย-พี่ฉอด กูรูความรัก แนะน้องใหม่ มฟล. จัดการเรื่องรักในวัยเรียน

เมื่อเร็วๆ นี้  มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) โดย สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาวิชาการ จัดกิจกรรม ประสบการณ์วุ่นๆ ของวัยรุ่นในวัยเรียน (Teen Lessons) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเตรียมความพร้อมนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โดยได้เชิญ พี่อ้อย-พี่ฉอด หรือ นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล  และ สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา สองกูรูเรื่องความรักจาก Club Friday รายการวิทยุยอดนิยมที่ให้คำปรึกษาปัญหาความรักหลากรูปแบบ เดินทางมาเปิดคลับถึง มฟล. ตอบคำถามของนักศึกษาใหม่ที่มีความสงสัยหลากหลายด้าน รวมทั้งให้คำแนะนำว่าจะบริหารชีวิตเกี่ยวกับการเรียนอย่างไร คบเพื่อนอย่างไร และจัดการเรื่องของหัวใจอย่างไรให้ผ่านไปด้วยดีในวัยเรียน ซึ่งได้ให้ข้อคิดโดนใจเหล่าน้องใหม่ มฟล. ที่เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 3,600 คน ณ อาคารกีฬาเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมี ผศ.สุกัล กฤตลักษณ์วงศ์ หัวหน้าสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาวิชาการ ให้การต้อนรับ

ตลอด 2 ชั่วโมงเต็มบนเวที พี่อ้อย-พี่ฉอด ได้แนะนำน้องๆ มฟล. ในเรื่องราวต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย การปรับตัว การใช้โซเชียลมีเดีย การแบ่งเวลาเรียนและทำกิจกรรม รวมทั้งหัวข้อที่ได้รับความสนใจจากนักศึกษาใหม่อย่างมากนั่นก็คือ เรื่องราวของความรัก โดยมีถ้อยความบางส่วนบางตอน ดังนี้

“สังคมในมหาวิทยาลัย เป็นเหมือนสังคมจำลอง ก่อนออกไปสู่โลกของการทำงานจริง เราจะเจอทั้งเพื่อนที่น่ารักและเพื่อนที่ไม่น่ารัก ตอนนี้เราอาจเลือกเพื่อนที่เราจะคบได้ แต่เมื่อออกไปทำงาน เราเลือกงานได้ แต่เมื่อเข้าไปทำแล้ว เราเลือกเจ้านายกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ สังคมในมหาวิทยาลัยจะทำให้เราค่อยๆ เรียนรู้ ได้ลองปรับตัวเข้ากับสังคมจริง ที่มีผู้คนหลากหลายมากขึ้นกว่าตอนที่เรียนมัธยม” พี่อ้อย นภาพร

“ปัจจุบันเรามีอุปกรณ์สื่อสารติดตัวอยู่ตลอดเวลา มีข่าวสารพุ่งเข้าหาเรามากขึ้นเรื่อยๆ ง่ายและรวดเร็วมาก เห็นอะไรเราก็สามารถแชร์ได้ง่ายดาย อย่างข่าวนักฟุตบอลทีมหมูป่าเข้าไปติดอยู่ในถ้ำที่เชียงราย มีข่าวสารและเรื่องราวแชร์ออกมาให้เราได้อ่านมากมาย แต่พอสุดท้ายความจริงที่ปรากฏไม่ได้เป็นเหมือนที่เราแชร์ออกไปเลย ดังนั้นเป็นบทเรียนว่าเราต้องใช้วิจารญาณสูงขึ้นในการรับและแชร์ข่าวสาร ในมหาวิทยาลัยจะมีเรื่องที่เขาเล่าว่าเต็มไปหมด เราต้องใช้สติให้มากในยุคสังคมอุดมความเห็น แม้ว่าเรายังไม่ได้ไปรู้ไปเห็นอะไรเลย แต่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ไปมากมายแล้ว” พี่อ้อย นภาพร
“อยากให้น้องๆ แบ่งชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ระหว่างการเรียนและการทำกิจกรรม ในมหาวิทยาลัยมีกิจกรรมให้เราเลือกไปมีส่วนร่วมมากมาย เป็นการเปิดโอกาสให้เราไปพบประสบการณ์และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ถ้าเราสามารถแบ่งเวลาได้ดี ได้เหมาะกับตัวเรา มันจะทำให้มีโอกาสมองเส้นทางสู่อนาคตได้ชัดเจนขึ้นกว่าคนที่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างเดียว การตั้งใจเรียนเป็นสิ่งที่ดี แต่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราเรียนรู้ไม่ได้จากตำรา จากการที่พี่เป็นคนสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกคนเข้าทำงานในบริษัท มักจะถามว่า ทำอะไรมาบ้างในชีวิตมหาวิทยาลัย มีประสบการณ์อะไรบ้าง เรียนรู้อะไรบ้าง พี่ค้นพบว่า คนที่ทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย มีประสบการณ์การทำงานกับคนอื่นมามากๆ เขาจะมีวิธีบริหารจัดการกับตัวเอง กับอารมณ์ความรู้สึก ความตั้งใจทำงาน มีมากกว่าคนที่เอาแต่เรียน อยากบอกว่ายังมีอะไรให้เราไปเจอมากกว่าการท่องตำราและตอบตามตำราอย่างเดียว เพราะชีวิตจริงไม่ได้ตรงเป๊ะเหมือนในห้องเรียน 1+1 อาจไม่ได้เท่ากับ 2 เสมอไป” พี่ฉอด สายทิพย์

“ตำราเล่มใหญ่สุดคือ คน การทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยเป็นโอกาสทำให้เราได้เรียนรู้คน” พี่อ้อย นภาพร

“รอให้เป็น..เย็นให้ได้ คือสองอย่างที่อยากให้ทุกคนจำให้แม่นและทำให้ได้ รอให้เป็น..คือใช้เวลากับตัวเองมากขึ้น ให้เวลากับทุกอย่างมากขึ้น ให้เวลากับความสัมพันธ์มากขึ้น ถ้ารอไม่เป็นเราจะตัดสินใจอะไรเร็วไปหมด หรือกับการเรียน บางทีเรายังสอบเข้ามา ทั้งที่ไม่รู้ว่าเราชอบอะไรจริงๆ หลายคนค้นพบและได้ทำงานที่ชอบแม้ว่าจะไม่ตรงกับสายที่เรียนมา ฉะนั้นต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับสิ่งที่เราทำแม้ไม่ได้รัก และเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่เราทำ..

เย็นให้ได้…เรามักเข้าไปแสดงความคิดเห็นในเพจต่างๆ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์จริงๆ มันเป็นอย่างที่เรารู้มาหรือเปล่า มีผู้ประสงค์แสดงความเห็น ทั้งที่ยังไม่เห็นอะไร หลายคนเผลอทำสิ่งต่างๆ ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ขอให้รอให้วูบนั้นผ่านไปก่อน ที่จะตัดสินใจทำอะไรรวดเร็วเกินไป เพราะมันอาจเกิดผลกระทบตามมามากมายจากที่สิ่งที่เราลงมือทำไปจากอารมณ์ชั่ววูบ ปัญหาหลายอย่างที่เราเห็นในข่าว มีการทำร้ายกัน ความผิดพลาด เสียใจ ทำร้ายตัวเอง เกิดจากรอไม่เป็น เย็นไม่ได้” พี่อ้อย นภาพร
“วัยรุ่นยุคนี้คงใช้คำว่า..อย่าริรักในวัยเรียน ไม่ได้แล้ว สิ่งที่ต้องมาคุยกันก็คือ เรียนยังไงให้รอด และมีความรักยังให้รอดไปด้วยกัน” พี่ฉอด สายทิพย์

“วัยนี้เป็นวัยที่เรื่องเรียนกับเรื่องรักแยกกันไม่ออก หลายครั้งที่เรารู้สึกว่าพลังในชีวิตเราหมดเพราะความรักทำร้าย ไม่อยากจะทำอะไร ไม่อยากจะเรียน ความรักทำร้ายหัวใจเราได้ แต่อย่าให้ใครบางคนมาทำร้ายเราทั้งชีวิต ถึงเขาจะทิ้งเราไป แต่ขาดเขาไม่ได้ทำให้ชีวิตเราด้อยค่าลงขนาดนั้น” พี่อ้อย นภาพร

“ทุกคนเป็นหัวใจของพ่อแม่ อย่ายอมให้ใครมาทำอะไรแย่ๆ เพราะหัวใจพ่อแม่เจ็บที่สุด” พี่อ้อย นภาพร

“ธรรมชาติของชีวิต คือมีทั้งความทุกข์และความสุขอยู่ปนกัน ความรักก็เช่นเดียวกัน ไม่มีใครตอบได้ว่าเราจะเจอความทุกข์หรือสุขอยู่ในนั้น แต่เมื่อเราเจอใครที่ดีพอและพอดีกับเรา จะทำให้เรากล้าเผชิญทั้งทุกข์และสุขนั้น และเตรียมพร้อมรับมือความไม่แน่นอนของความรัก ความเปลี่ยนแปลงก็คือธรรมชาติอย่างหนึ่งของชีวิต ดังนั้นทำให้แต่ละวันที่เรามีกันและกันให้ดีที่สุด” พี่ฉอด สายทิพย์