ข่าวเด่น

ติวเข้มพัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตร-อาหาร สู้ตลาดการค้าโลก

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมหิรัญนคร โรงแรมเวียงอินทร์ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท จ.เชียงราย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและอุตสาหกรรมเกษตรเชิงนวัตกรรมปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักงานอุตสาหกรรม จ.เชียงราย และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีเครือข่ายหน่วยงานและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบธุรกิจอาหารและอุตสาหกรรมการเกษตรในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน คือ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

โดยนางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรม จ.เชียงราย กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของโครงการจัดขึ้นมาเพื่อพัฒนากลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการเพื่อให้สามารถขยายโอกาสด้านตลาดได้อย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับหรือทัดเทียมกับนานาประเทศ นอกจากนี้ยังเพื่อสร้างเครือข่ายในภาคเหนือตอนบน 2 คือเชียงราย พะเยา แพร่และน่าน ให้มีความเข้มแข็งอีกด้วย

โดยกิจกรรมในโครงการจะมี 6 กิจกรรม คือกิจกรรมสร้างเครือข่ายให้กลุ่มเป้าหมายจังหวัดละ 20 คนรวมทั้งหมด 100 ราย กิจกรรมอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดทำตราสินค้าเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ ข้าว ชา และกาแฟให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน และการสร้างศักยภาพด้านการตลาดโดยหลังกิจกรรมจะมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ให้มีศักยภาพไม่ต่ำกว่า 40 ผลิตภัณฑ์

นางกฤษนันท์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมศึกษาดูงาน กิจกรรมแข่งขันในหัวข้อ “IdeaProducts” กิจกรรมจัดแสดงสินค้า และกิจกรรมพบปะระหว่างสถาบันการศึกษาและผู้ประกอบการ โดยโครงการเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ย.2561 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือน สำหรับกิจกรรมครั้งนี้เป็นการกิจกรรมอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 12-15 มิ.ย.โดยมีอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชาชีพ ภาครัฐและภาคเอกชน ไปถ่ายทอดองค์ความรู้ด้วย

ทางด้านนายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า พืชเศรษฐกิจภาคเหนือมีอนาคตที่ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะที่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องและที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยที่เป็นที่ต้องการมากคือ ข้าว ซึ่งพบว่าภาคเหนือมีข้าวกึ่งข้าวเหนียวคุณภาพดีมากหากทำบรรจุภัณฑ์ดีและรักษาคุณภาพมีแนวโน้มไปในตลาดดีแน่ ส่วนเรื่องชาและกาแฟนั้นถือว่าเอกลักษณ์เฉพาะ เพราะชาให้คุณภาพดีเมื่อสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 500 เมตรขึ้นและกาแฟตั้งแต่ 1,200 เมตรขึ้นไปทำให้เรามีพืชเศรษฐกิจชนิดนี้ออกสู่ตลาดได้อย่างมีคุณภาพ

“สิ่งที่ต้องพัฒนาให้มากคือการสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ชวนให้ซื้อซึ่งโครงการนี้สามารถช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการได้ดี และสิ่งสำคัญอีกประการคือการเป็นอาหารปลอดภัย ซึ่งทาง จ.เชียงราย สนับสนุนมาโดยตลอด เนื่องจากในปัจจุบันเราจะไปสู้สินค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไม่ได้แน่นอนส่วนอุตสาหกรรมขนาดกลาง เช่น ผ้า ก็สู้ประเทศใหม่ๆ เช่น บังกลาเทศ กัมพูชาหรือในแอฟริกา ที่มีต้นทุนต่ำกว่าไม่ได้ แต่สิ่งที่เรามีมากที่สุดแต่ประเทศอื่นไม่มีเหมือนคือ อาหาร สมุนไพร และการบริการ ซึ่งภูมิประเทศ ภูมิอากาศและคนไทยสามารถทำได้ดีมาก กระนั้นคนไทยมีเกษตรกร 60% แต่มีมูลค่าจากผลผลิตเพียงแค่ 20-30% ดังนั้นจึงมีโอกาสในการพัฒนาเพื่อนำเอกลักษณ์เฉพาะนี้ไปสู่การพัฒนาเพื่อสู้ในตลาดโลกต่อไป” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว.