เชียงรายปลอดหมอกควัน ผู้ว่าฯ ลุยเต็มที่คุมเข้มโทษหนัก
พ่อเมือง ชร. ตรวจเยี่ยมชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังไฟป่า กำชับคุมเข้มเข้าเวรยามป้องกันไฟป่า-โลกโซเชียลชื่นชมทำเชียงรายปลอดหมอกควัน
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เดินออกตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ซึ่งได้ปฎิบัติหน้าที่อาสาสมัครดับไฟป่า ของตำบลป่าแดด และตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงาน โดยได้รับฟังรายงานการเกิดไฟป่าในพื้นที่พบว่าในช่วงรณรงค์ห้ามเผา ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 19 มีนาคม พบฮอตสปอตจากไฟป่า 3 จุด และสามารถจับกุมผู้ลักลอบเผาดำเนินคดี ได้ 2 ราย
ซึ่ง นายณรงค์ศักดิ์ ได้กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดเชียงรายที่ได้ผล อย่างดีเยี่ยม จนมีผู้ชื่นชมผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายทางโลกโซเชียลในช่วง 2 วันที่ผ่านมาว่า มาจากการวางแผนในทุกๆ ด้าน การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยเฉพาะที่สำคัญคือความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่ในการมีส่วนร่วม โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2560 ถึงมกราคม 2561 เตรียมการประชาสัมพันธ์งดเผา การทำแผนขออนุญาตเผา เดือน กุมภาพันธ์ ถึง เดือนเมษายน 2561 ประกาศห้ามเผา และหลังวันที่ 12 เมษายนไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคม 2561 จะมีการจัดระเบียบการเผาห้ามมีการเผาพื้นที่เดียวกันเป็นพื้นที่กว้าง เพื่อป้องกันวิกฤติหมอกควัน
สำหรับสถิติการเกิดจุดฮอตสปอตของจังหวัดเชียงราย ปี 2559 เกิดขึ้น 2,000 จุด ปี 2560 เกิดขึ้น 19 จุด และปี 2561 เกิด 3 จุด ในอำเภอแม่สรวย 2 จุด อำเภอเวียงแก่น 1 จุด สำหรับอำเภอแม่สรวยถือว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่จะเกิดไฟป่าข้ามแดน ที่มาจากอำเภอฝาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ จึงขอความร่วมกับนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนและอาสาสมัครป้องกันไฟป่าให้เฝ้าระวังไฟป่า และทำแนวกันไฟให้เกิดประสิทธิภาพไปจนถึงวันที่ 12 เมษายน และสำหรับค่าหมอกควันในจังหวัดเชียงรายเช้าวันนี้ ที่สถานีตรวจวัดอากาศ อำเภอเมืองและอำเภอแม่สาย อยู่ที่ 70 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศปานกลาง
นายณรงค์ศักดิ์ เปิดเผยว่า การดำเนินการแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน คือ1.การประชาสัมพันธ์รณรงค์ขอความร่วมมือหยุดการเผาทุกชนิด ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี 2.การจัดทำแผนการเผาอย่างเป็นระบบ และจัดทำการป้องกันอาทิแนวกันไฟ และชุดลาดตระเวณป้องกัน โดยบูรณาการกำลังทุกหน่วยงานร่วมกันโดยให้นายอำเภอมาบริการจัดการเพื่อกระจายกำลังช่วยเหลือในส่วนพื้นที่ที่มีกำลังน้อย และ 3 การเผชิญเหตุ โดยให้ทุกพื้นที่จัดกำลังและอุปกรณ์การดับไฟ ตลอดจนรถบรรทุกน้ำให้พร้อมตลอด 24 ชั่วโมงหากเกิดไฟไหม้ให้เข้าไปทำโดยทันทีให้ได้เร็วที่สุด หากพื้นที่ไหนเกิดไฟไหม้ และไม่สามารถควบคุมได้นายอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ไปรายงานตัวกับทางจังหวัดทันที
“นอกจากนี้ยังบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยการเผา 3 ครั้งที่เผาในปีนี้มีการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้เผาจำนวน 2 ราย แต่อีกรายไม่สามารถจับกุมได้ ดังนั้นจึงอยากขอความร่วมมือประชาชนให้หยุดเผาไปถึงช่วงหลังเดือนเมษายน ซึ่งจะมีช่วงฝนตกลงมาแล้วจะให้ปัญหาต่างๆ ก็จะหมดไป” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว.